RINYAPAT's FAVORITE 2017

สวัสดีค่าาาา กลับมาแล้ว หลังจากที่ไม่ได้อัพมานานมากๆ ของปีที่แล้วก็ไม่ได้ทำ สาเหตุก็เพราะตัวเราเองรู้สึกว่าส่วนใหญ่ก็ยังติดมือกับของเดิมๆที่เป็นเฟเวอริทของปี 2015 เราเลยปล่อยให้เฟเวอริทของปี 2016 โล่งๆไปดีกว่า รอให้ผ่านไปอีกปีค่อยอัพเดทว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเนอะ

และนี่ก็ถึงเวลาแล้วแหล่ะ ที่ต้องมาอัพเดทกันซักที เพราะว่ามีอะไรๆเปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกัน FAVORITE OF 2017 ครั้งนี้เราคงไม่ได้พูดทุกหมวดหมู่ของเครื่องสำอางนะคะ ตัวอื่นๆที่เคยรีวิวในเพจไปแล้วก็คือดี ชอบตามที่รีวิวล่ะ แต่พอเป็นเฟเวอริท ก็เลยอยากจะหยิบเอาบิวตี้ไอเท็มที่เรารู้สึกว่าเออไม่ควรพลาดมานำเสนอดีกว่า



เริ่มชิ้นแรกกัน ขอมาที่พวก Base make up ก่อนละกัน
ช่วงสองปีหลังนี้ เราเริ่มเลเยอร์ในส่วนของเบสเมคอัพน้อยลงค่ะ เป็นเพราะอายุมากขึ้นด้วยแหล่ะ อะไรไม่จำเป็นก็จะตัดออก อย่างที่เราพูดในเพจมาตลอดว่าไม่อยากเพิ่มภาระให้ผิวเกินความจำเป็น เลยกลายเป็นว่าใน everyday look เราเลยตัดส่วนของprimer/base ออกไปเลย ยกเว้นแต่จะต้องออกงาน หรืองานที่ต้องใช้หน้าแน่นยิงยาวตั้งแต่เช้ายันดึกจริงๆ เราถึงจะใช้ primer จำพวกที่ทำให้เครื่องสำอางติดทนขึ้น แล้วเชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ปี 2015 primer ที่เรายังยกให้เป็นที่หนึ่งในใจยังเป็นตัวเดิม! 555555 คือ Hourglass mineral veil สาเหตุคือไม่มีอะไรเลย เราชอบที่มันไม่ได้คุมมันจ๋าจนรู้สึกว่าทำลายสมดุลย์ผิว แต่สามารถคุมมันได้ดีพอประมาณ และเครื่องสำอางติดทนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



แต่มาของปี 2017 นี้ ขอมอบมงให้เพิ่มอีกตัว คือตัวนี้เลย Too faced Hangover 3-In-1 Replenishing Primer & Setting Spray (1650 THB) มาในรูปแบบของสเปรย์ ได้ลองครั้งแรกก็ตอนจะไปซื้อรองพื้นใน sephora ค่ะ เราคลีนหน้าออกเพื่อที่จะลองรองพื้นก่อนซื้อ พอคลีนปุ้ป เอามือแตะๆเช็คผิวดู ผิวก็ไม่ชุ่มชื้นพอที่จะไปต่อ ง่ายๆเลยคือถ้าลงรองพื้นในสภาพผิวที่ยังไม่ชุ่มชื้นพอ ยังไงก็ไม่สวยอ่ะ ไม่เวิร์คๆ หันซ้ายหันขวาเลยลองไปหยิบตัวนี้มาสเปรย์นี่แหล่ะ ลองปุ๊ปคือตัดสินใจเลยนะว่าจะเอาจ้าาา 555555 คือผิวชุ่มชื้นขึ้นเลย แน่นอนว่าสู้ครีมบำรุงไม่ได้หรอก แต่เราคิดว่าในวันรีบๆ นี่เป็นตัวเลือกในการเตรียมผิวที่ดีเมือนกัน ไม่เหนอะเกินจนทำให้ผิวผสมแบบเรารำคาญ คือมันพอดี๊พอดีอ่ะ ที่สำคัญเลยคือตอบโจทย์เราในแง่ที่ว่าถ้าอยากใช้ในชีวิตประจำวันก็ใช้ได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการเพิ่มเลเยอร์อะไรให้ผิวเลย no silicone ไปอีก (บอกก่อนว่าไม่ได้แอนตี้ซิลิโคนนะ เดี๋ยวก็เจอซิลิโคนในรองพื้นอยู่ดีจ้ะ 5555) จริงๆติดใจอันนี้เลยไปถอยแบบหลอดมาด้วย แต่ไม่ชอบเนื้ออ่ะ มันไม่ค่อยเหมาะกับผิวเราเท่าไหร่ ชอบแบบสเปรย์มากกว่า ส่วนถ้าใครคาดหวังว่าจะได้การปรับผิวที่เรียบเนียน เบลอรูขุมขุน ให้ข้ามไปเลย เพราะตัวนี้ไม่มีซิลิโคน เหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาผิวอะไรมาก แค่ต้องการเตรียมผิวให้ชุ่มชื้นที่จะให้เมคอัพติดทนนานขึ้นเท่านั้นค่ะ


อีกตัวที่จะเลือกใช้หากต้องการพรางรูขุมขนเป็นพิเศษในช่วงของจมูก ใช้มาหลายตัว ยังไงก็ชอบ Smashbox Photo finish foundation primer oil-free pore minimizing (700 THB) ไซส์ที่เห็นคือไซส์เล็กนะคะ 15ml ถ้าเป็นคนที่หน้ามีรูขุมขนไม่กว้างอยู่แล้ว แต่มีแค่นิดๆหน่อยๆช่วงจมูก แนะนำว่าใช้ไซส์เล็กก็พอค่ะ มันใช้ทีละนิดเดียว กว่าจะหมดคือนานมากกกกก นานจนเบื่อ ตัวหลอดเป็นสีม่วง แต่เนื้อไพรเมอร์จะเป็นสีนวลๆอ่อนๆ เกลี่ยแล้วจะไม่มีสีค่ะ ข้อดีคือเนื้อค่อนข้างเบากว่าตัวอื่นๆที่เป็นไพรเมอร์ในลักษณะเดียวกันค่ะ เค้ามีหลายสูตร ส่วนตัวจะชอบสูตรนี้ที่สุด


ส่วนของรองพื้น บอกเลยว่าเลือกยากมาก ปีนี้หลายแบรนด์ทำดี ดีหลายตัว เอาจริงๆถ้าใครตามเพจเราอยู่ เรารีวิวรองพื้นบ่อยๆอยู่แล้ว ตัว TOP 3 รองพื้นที่เราชอบนั่นก็คือชอบจริงๆ ><
แปะรีวิวรองพื้นในเพจไว้ให้ที่นี่นะคะ คลิกไปอ่านได้เลย



ท้ายปีมีเปลี่ยนนิดนึงคือส่วนของรองพื้นที่เป็น light to medium coverage เพราะ Tom ford รุ่นขวดหมุนหมด เลยไปซื้อตัวนี้มาลองแทน และไม่ผิดหวังเลย มงจึงลงที่ตัวนี้จ้าาา Bobbi brown skin nourishing glow foundation (2500 THB) ที่มาแทน Tom ford  แบบสวยๆเลยคือนางเกลี่ยง่ายกว่า ตัวเนื้อจะหนากว่า tf นิดนึง แต่ก็ขึ้นกับวิธีลงด้วย (แต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่หนานะ) เนื้อจะออกครีมมี่กว่า ให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่า ไม่มันนะ แต่ก็ไม่คุมมัน ฟินิชได้ผิวที่ดูสวยแบบธรรมชาติๆ ไม่แมท ไม่ดิวอี้เกินจนทำให้ผิวผสมแบบเราดูหน้าเยิ้ม จริงๆเราเคยลองรองพื้นบ๊อบมาสองรุ่นละ ไม่ถูกใจเลยซักรุ่น มีอันนี้แหล่ะ วินจริง ผิวแห้ง-ผิวธรรมดาน่าจะรักนางเลยล่ะ เราผิวผสม ก็จะมีซับหน้าบ้างเป็นปกติ

ส่วนรองพื้นที่เป็น medium to full coverage ตามเดิมเลย Lancome teint idole ultra wear foundation (1950 THB) ถึงแม้สีที่เข้าไทยจะไม่ค่อยเวิร์ค เพราะติดชมพูไม่ก็เป็นสี neutral ซะส่วนใหญ่ แต่เป็นความโชคดีของเราที่พรีจากอเมริกามาแล้วสีตรง เหลืองสวย เป๊ะพอดี คุมมันได้พอประมาณอย่างที่เราชอบ ไม่แมทเกินจนทำให้ผิวดูไม่มีมิติ เกลี่ยก็ง่าย เอ้อเอาเป็นว่าชอบเหมือนเดิม (รีวิวละเอียดๆอ่านที่ลิ้งที่แปะให้เอานะ) จริงๆตัวนี้ลังเลอยู่กับตัว YSL All hours แต่สุดท้ายมงลงที่ตัวเดิมค่ะ เราว่าดีทั้งคู่อ่ะ กินกันไม่ลง ต่างกันไม่มากเท่าไหร่ ชอบทั้งสองตัว แต่เอาเป็นว่าชอบตัวนี้มากกว่านิดนึง ใครหาสีจาก Lancome ไม่ได้ก็ลองไป YSL ดูค่ะ

และสุดท้ายในส่วนรองพื้น full coverage ไม่พูดไรเยอะแยะ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Tom ford waterproof foundation & concealer (3200 THB) เรียกสั้นๆว่ารุ่นหลอด ตัวนี้จะคุมมันดีเลย ใช้เฉพาะช่วงที่หน้าพังหรือจะไปออกงาน ต้องการความแน่นเป๊ะ ติดทนมากๆ ใครผิวแห้งมากต้องขอผ่านนะ ส่วนผิวผสม- มันน่าจะชอบกัน ตัวนี้ให้ให้การปกปิดที่ดีมากแต่ผิวยังดูมีมิติ ดูมีน้ำอยู่ แล้วคุมมันได้ดี คืองงมาก คุณสมบัติแบบนี้เนื้อมันควรจะให้ฟินิชที่แมทกว่านี้อ่ะ เอาเป็นว่าจัดอยู่ในรองพื้นที่เนื้อไปทางหนา แต่ยังคงให้ฟินิชผิวที่สวย ชอบที่สุดในบรรดารองพื้น full coverage อ่านต่อในลิ้งที่แปะไว้ด้านบนนะคะ แค่นี้ก็บล็อคยาวแล้วเด้อ ><



คอนซีลเลอร์ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Tarte shape tape contour concealer (27 USD) หาซื้อก็ยาก นางขายเฉพาะใน Ulta USA แต่บอกเลยว่าใครที่ปลื้มกับ Nars radiant creamy concealer ต้องชอบ Tarte แน่นอน ทำไมน่ะเหรอ.. ถ้าให้เปรียบเทียบนะ ตัวนี้ก็คือแม่ของ Nars อีกทีนึงอ่ะ ปกปิดแบบโอ้ยกริบมากค่าาา แมทแต่เกลี่ยง่าย พิกเมนต์โคตรแน่น แน่นยิ่งกว่า ใต้ตาคือกริบไปเลย ใช้นิดเดียวปกปิดทั่วแล้วอ่ะ ต้องใช้น้อยกว่าคอนซีลเลอร์ทั่วๆไปนะ เพราะมันแน่นจริงๆ

และเนื่องจากใต้ตาแพนด้าต้องเรียกแม่ สิ่งนึงที่ขาดไม่ได้คือ corrector มงต้องลงที่ Mac prep+prime hilighter #peach luster (1290 THB) ชิ้นนี้ออกไม่ได้ใหม่อะไร แต่เพิ่งได้ใช้ จากเดิมที่ชอบ armani มากกกก ใช้หลายหลอด แต่หาซื้อยากเหลือเกิน เพื่อนคนสวยเลยแนะนำแมคมาให้ นางว่าถ้าอยากได้คอเรคเตอร์ใต้ตาที่สีแบบส๊มส้ม เอาตัวนี้ไปเลยจ้าเธอ เอาอยู่แน่ๆ แล้วมันก็เอาอยู่จริงๆค่ะคุณผู้ช๊มมมมม ส้มได้ใจมาก จับคู่กับคอนซีลเลอร์ pigment ดีๆอย่าง tarte นี่ได้มาก! ใครหาซื้อtarte ไม่ได้ก็ใช้ nars ต่อไปค่ะ ได้เหมือนกัน ใครจะตามหาให้ไปหาตามช็อปใหญ่ๆอย่างเช่นสยามเซ็นเตอร์นะ ตามห้างทั่วไปไม่มีจ้าาา
(Tips : ระวังอย่าไปใช้คู่กับคอนซีลเลอร์ที่เนื้อบางมากๆ มันจะปิดสีส้มไม่อยู่นะ)



Pencil eye liner ลองเทพๆมาหลายตัว ไม่ว่าจะแพงและดี หรือถูกและดี แต่ตัวที่เราว่าดีที่สุดยกให้ Marc Jacob highliner gel eye crayon (990THB) เนื้อนุ่ม สีดำสนิท สำหรับเราคือไม่แพนด้าเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่มีตัวไหนเลยที่จะไม่แพนด้านะ ถ้าใครหน้ามันจริงๆตัวนี้อาจจะมีเลอะนิดหน่อยค่ะ อันนี้เรามีทั้งแบบหัวเล็กกับหัวใหญ่ ถ้าจะถม inner เราจะใช้รุ่นหัวใหญ่ (ตอนซื้อดูดีๆนะ แบบหัวใหญ่มีสองรุ่น) เพราะมันไวดี เขียนแล้วไม่รู้สึกระคายเคืองตาเลย แอบรู้สึกว่าลื่นกว่ารุ่นหัวเล็กนิดนึงนะ แต่ถ้าอยากเขียนอายไลเนอร์เส้นเล็กๆ เราจะใช้รุ่นหัวเล็กเพราะมันคุมเส้นได้ง่ายกว่าค่ะ


มาสคาร่า อันนี้พูดกันตรงๆว่าเราไม่ค่อยได้ปัดจริงจังเท่าไหร่ เน้นปัดขนตาล่างให้สวยอย่างเดียว คือขนตาบนถ้าจะเอาลุคเบาๆเราเลือกที่จะติดขนตาเบอร์ธรรมชาติแทน เราชอบขนตาที่เป็นเส้นเล็กๆ แต่เรียงกันหลายๆเส้นให้ดูขนตาหนา ไม่ใช่ขนตาเส้นหนาๆอวบๆ(ไม่งงกันใช่มั้ยอ่ะ) พื้นฐานขนตาเราเป็นคนขนตายาวก็จริง แต่ส่วนใหญ่เราเลือกที่จะติดขนตาปลอมค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ปัดมาสคาร่าเลยนะ ซื้อมาเยอะมาก มาสคาร่าที่ชอบที่สุดในปีนี้คือ 1028 Visual Therapy Big Eyes! Magnifier Mascara แบรนด์จากไต้หวัน รุ่นฝาแดงซึ่งบอกก่อนว่าไม่กันน้ำ ปัดขนตาบนไม่ได้ มันจะทำให้ขนตาตก ที่ชอบเพราะถึงแม้มันจะไม่กันน้ำ แต่ชีวิตประจำวันเราไม่ได้เป็นคนมีเหงื่อออกเยอะขนาดนั้น จากกิจวัตรประจำวันมันไม่มีอะไรให้จะต้องกันน้ำอ่ะ ก็เลยเลือกเป็นตัวนี้เพราะได้ขนตาที่เรียงเส้นสวยมาก หนาพอดี ไม่จับเป็นก้อน ไม่เป็นขนตาเส้นใหญ่เกินเหตุอย่างที่เราไม่ชอบ เราใช้ตัวนี้ปัดขนตาตลอดเลย เอามาปัดขนตาล่างสวยมาก ไม่เลอะระหว่างวันด้วย ที่สำคัญสุดๆเลยคือมันล้างง่ายมากกกกกก เราหวงขนตาจริงมาก ไม่อยากให้ขนตาร่วง อะไรที่กันน้ำมากเกินไป บางทีเวลาล้างเนี่ย ขนตาจริงมันหลุดออกมาด้วย เคยมีช่วงนึงที่เราใช้มาสคาร่าที่กันน้ำหนักๆล้างยากๆติดกันหลายวัน อยู่ดีๆก็ขนตาร่วงค่ะ ไม่รู้ทำไม เมื่อก่อนก็ไม่เป็นนะคะ ขนตาล่างนี่แหว่งไปนิดนึงเลย ใจคอไม่ดีมากๆ - -กลายเป็นว่าถ้าวันไหนไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้มาสคาร่ากันน้ำจริงๆ ยังไงเราก็เลือกตัวนี้ค่ะ

ส่วนขนตาปลอม เราใช้เฉพาะขนมิ้งค์ค่ะ RinyaLash (690 THB) จะติดกี่ครั้งก็มีคนถามทุกครั้งว่าขนตาของอะไร จากประสบการณ์ติดขนตาปลอมมาตลอดหลายปี เราชอบขนมิ้งค์ที่สุด ตั้งแต่ใช้ขนมิ้งค์มาก็ไม่ไปใช้ขนอื่นอีกเลย ถึงแม้มันจะแพงกว่าขนอื่นๆมากก็ตาม ยิ่งขนมิ้งแท้เกรดดีๆ ไม่แอบเอาขนอื่นมาผสมยิ่งแพง เชื่อเราเถอะว่ามันแพงจริง ประสบการณ์ตรงนี่ล่ะ 5555555 ไม่ว่าจะเห็นของจริงตอนติดหรือเวลาเอาไปใช้ถ่ายรูปแบบ closed-up จะยิ่งเห็นเลยว่าตัวขนมันสวย ไม่เงาจนดูปลอม มันมีความพิเศษที่ไม่เหมือนขนชนิดอื่น คือตรงปลายขนจะเรียวแหลม เลยเป็นสาเหตุที่ว่าต่อให้ติดขนตาขนมิ้งค์ที่หนา แต่ทำไมยังสวยฟุ้งอยู่ เพราะด้วยชนิดขนกับปลายขนมันเป็นแบบที่บอกนี่แหล่ะ มันเลยดูฟุ้งๆ สวยแบบที่ขนอื่นทำไม่ได้ ข้อเสียที่เราเจอคือด้วยความที่ตัวขนมันบอบบาง แกนขนตาที่เอามาประกอบเลยจะเป็น cotton แบบแบนเพื่อมาเพิ่มความแข็งแรงให้ขนตาใช้ได้นานยิ่งขึ้น แกนเลยจะไม่เล็กเหมือนขนตาทั่วไป ถ้าใครติดขนตาไม่เก่ง ตัดไม่พอดีก็จะเจ็บตาได้ แต่ถ้าตัดพอดี พูดเลยว่าไม่มีเคืองแน่นอน เอาเป็นว่าชอบแค่ไหนไม่ต้องพูด ต้องเอามาทำเป็นแบรนด์ตัวเองอ่ะคิดดู ทำมาสองปีแล้วด้วยนะ โอเคมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะคิดว่าเราขายของ ทำไมเอาแบรนด์ตัวเองมาลง คือถ้าไม่ติดขนตาของตัวเองจะติดของใครล่ะ จริงมั้ย แล้วอันนี้คือใช้จริงมาตลอดตั้งแต่ทำแบรนด์มา เราก็พูดกันตรงๆมาตลอด เอาเป็นว่าลองดูค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เราก็ได้ แต่เป็นแบรนด์อื่นที่เป็นขนมิ้งค์แท้จริงๆก็พอ เคล็ดลับง่ายๆที่ทำให้ติดขนตาแล้วสวยนะคะ คือเลือกแบบให้ดีค่ะ และต้องเลือกที่เข้ากับรูปตา กับเมคอัพลุคของตัวเอง แค่นี้จริงๆ


กาวติดขนตา Koji eyelash fix (90 THB) เห็นหลอดเล็กๆแบบนี้ แต่ใช้ได้นานนะคะ ลองมาทั้งสูตรใสกับสูตรสีดำ แอบรู้สึกว่าสีดำดีกว่า สีใสๆนี่ไม่โอเคจริงๆ ถามเพื่อนที่ใช้เหมือนกัน เพื่อนก็บอกแบบนี้ ถ้าพลาดทำกาวเลอะก็ไม่ต้องห่วง รอแห้งแล้วเอาปลายเล็บสะกิดๆเอาก็ออกค่ะ แน่นอนว่ามันจะไม่แน่นมากเท่ากาวที่มีเนื้อลักษณะแบบ D.up แต่มันก็แน่นอ่ะ ที่กลับมาชอบตัวนี้เพราะว่ามันดึงกาวออกจากแกนง่ายมาก ดึงแล้วออกมาเป็นเส้นๆเลย ไม่เหลือคราบกาวติดที่แกนขนตาเลย พอดึงกาวออกง่าย เราก็จะถนอมขนตาปลอมได้อีก ก็นั่นแหล่ะ ขนตาแพง ต้องถนอมกันนานๆ แฮ่ๆ อันนี้จะไม่เป็นคราบเหนียวๆติดที่แกนขนตาเหมือน D.up นะ ดึงกาวออกแล้วจบเลย ไม่มีความเหนียวหลงเหลือใดๆ



ส่วน Beauty Tools ที่ชอบมาก นี่หายไปอันนึงละก็กลับไปซื้อ ที่ดัดขนตา Kevyn Aucoin eyelash curler (900 THB) อันนี้ก็ตั้งแต่รู้จักมาสองปีก็ลืม shu ที่เคยชอบไปเลย เข้าเบ้าตาเราพอดีเหมือนกันเลย แต่สิ่งที่ต่างคืออ้าได้กว้างมากกว่าเท่าตัวนึง คือเราเป็นคนติดขนตาปลอม ถ้าอยากได้ curve ของขนตาปลอมที่งอนพอดีกับความต้องการ ต้องใช้ที่ดัดขนตามาดัดทับค่ะ อ้าได้กว้าง ดัดขนตาปลอมได้สะดวกที่สุด โอ้ยเริด พังก็จะซื้อซ้ำแน่นอน ไม่รู้จะเปลี่ยนแบรนด์ไปทำไม ก็มันเข้าเบ้าตาแล้วพอดีอ่ะเนอะ เดี๋ยวต้องมีคนถามว่าแล้ว Surratt ล่ะดีมั้ย ดีค่ะ แต่เสียดายไม่เข้าเบ้าตาเรา (ตัวที่ดัดเป็นสีดำสวยเลยล่ะ ชอบมากเลยด้วย) คือ Surrat มันโค้งน้อยกว่า เหมาะกับคนรูปตายาวมากกว่าค่ะ เราเป็นคนตากลมเลยเข้ากับ Kevyn มากกว่า อ้ออันนี้ที่เมืองไทยมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนะคะ คือร้าน BFF ค่ะ ลองเสิชดูได้เลย ราคาไม่ต่างจากที่เมืองนอกเลยค่ะ แนะนำๆ



หมวดของ Eye shadow สำหรับปีนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Charlotte Tilbury instant eye palette (£60.00) พิกเมนต์ไม่ได้แน่นเว่อร์ แต่จะเบาๆผู้ดี สามารถบิ้วท์ให้เข้มขึ้นได้ ใน everyday look คือนึกไม่ออกก็หยิบอันนี้ ใช้บ่อยที่สุดแล้ว เนื้อชิมเมอร์สวยงามตามสไตล์ป้า ใครเคยใช้พาเลทสี่ช่องของป้าอยู่แล้วจะรู้ดี เซอไพรส์ตรงส่วนของเนื้อแมทที่ปกติป้าไม่ทำ คือมันดี นุ่ม ลื่น เกลี่ยง่าย มีฟอลเอ้าท์นิดๆนะ ไม่น่าเกลียด รวมๆคือดีงาม เค้าแบ่งเป็นสี่ลุคมาให้ด้วยนะ สีดำเป็นสีเดียวที่เน้อไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่เรามองข้ามไปเพราะไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว เอาตรงๆถ้าส่วนตัวก็ไม่ได้ใช้ครบทุกช่องหรอก แต่ว่าใช้บ่อยที่สุด รู้ตัวอีกที เวลาไปไหนก็พกพาเลทป้าอันนี้ไปทุกที่แล้วค่ะ แต่งหน้าเจ้าสาว แต่งหน้ารับปริญญานี่ก็เคยเอาไปแต่งให้ลูกค้ามาแล้ว!

ส่วน Eye shadow ที่รู้สึกว่ามงมากๆอีกคือ Bobbi brown luxe eye shadow (1300 THB) เป็น single eye shadow ที่สวยทุกสี ไม่รู้จะพูดยังไง เนื้อดี สีดี เล่นไฟสวย เป็นอะไรที่แบบบ้าไปแล้ว ชอบมากกก ราคาอันนี้อันเดียวซื้อจูเวียได้พาเลทนึง แง้ 55555555 ชอบจนต้องกวาดสีโทนน้ำตาลทองที่ใช้ง่ายๆมาทุกสีที่เค้ามี ตามรูป ไม่พูดเยอะ ถ้าไม่ชอบจริงคงไม่เป็นผีบ้าซื้อขนาดนี้เนอะ 5555555 ไปเลือกสีที่ถูกใจกันเองเลยจ้าาาาา ที่จริงโทนน้ำตาลทองของรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 5 สีนะคะ ตอนหยิบมาถ่ายหาเจอแค่ 4 รุ่นนี้จะมีทั้งหมดสามเนื้อค่ะ ถ้าอยากลองซักอัน อยากแนะนำให้เลือกสี Sun Flare สีนี้จะมีกลิตเตอร์ใหญ่ๆผสมอยู่ด้วย เอาไว้ท๊อปตรงช่วงกลางตาได้สวยมากๆ

อีกอันจะไม่มงไม่ได้ คือ Juvia's place Nubian eye shadow palette (28 USD) พาเลทเขียว ปี 2017 อายแชโดว์โทนร้อนพวกแดงๆส้มๆมาแรงมาก ไม่ว่าจะ heated หรือ toasted ของอีกสองแบรนด์ที่ดังไม่แพ้กัน แต่ตัวที่เราชอบที่สุดคือจูเวียเขียวนี่แหล่ะ เราว่าเนื้อดีสุด พิกเมนต์แน่น กล้าพูดเลยว่าเนื้อเทียบแบรนด์แพงๆได้ ราคาที่เมกาไม่แพงด้วยนะ ยิ่งช่วงเซลล์ยิ่งถูก แต่สิ่งเดียวที่เกลียดคือหน้าตาแพคเกจ บ่นแล้วบ่นอีก แต่ก็รักนางอ่ะ เอ้อแต่ก็บ่น โอ้ยยย T_T แนะนำจริงๆ ยิ่งถ้าใครอยากลองหัดแต่งตาสีชัดๆหน่อย เริ่มจากพาเลทนี้ได้เลย เราแนะนำพาเลทนักเรียนที่มาเรียนแต่งหน้ากับเราตลอด มันดีงามมม

Cream eye shadow มอบให้ Tom ford cream color for eyes #sphinx (1700 THB) เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย ติดทน สีทองเหลือบๆ แล้วเป็นเหลือบที่สวยมาก ใช้เดี่ยวๆก็สวย ใช้คู่กับ eyeshadow ป้าชาล็อตพาเลทยาวๆก็เริ่ด มันจะขับสีอายแชโดว์ป้าชาให้เด่นชัดขึ้น ติดทนขึ้น คือสีนี้ดี เอาเป็นว่าซื้อมาหลายสี แต่สีนี้คือชอบที่สุด


พูดถึงเรื่องการแต่งตามาแล้ว ขอแอบแทรก Eye makeup remover ที่ชอบที่สุด ใช้มานานจนไม่นับขวดแล้วค่ะ ตัวที่แนะนำคือ 1028 Visual Therapy Hydrating Eye and Lip Makeup Cleanser (299 THB) เช่นกัน ดีที่สุดตั้งแต่ใช้ที่ล้างมา โปะที่ตาแป้ปเดียวมาสคาร่า อายไลเนอร์ออกหมด ที่สำคัญคือเข้าตาแล้วไม่แสบเลยซักนิด ไม่ทิ้งควานมันแผลบไว้ที่ตา จริงๆตัวนี้เรารีวิวในเพจไปนานแล้วล่ะ แต่จะไม่พูดถึงไม่ได้เพราะทั้งปีที่ผ่านมาก็ใช้นางมาเยอะจริงๆ ตุนไว้ก็เยอะ ส่วนสำลีที่ใช้คู่กันที่ชอบที่สุดเพราะมันไม่อมน้ำไปจนหมดคือ Silcot (109 THB) ค่ะ รุ่นกล่องฟ้าหรือกล่องเขียวก็ได้ สำลียี่ห้อนี้คือคอนเฟิร์มเลยว่าดีงามทั้งสามรุ่น ส่วนรุ่นกล่องน้ำเงินเรายกให้เป็นสำลีที่ดีที่สุดสำหรับใช้กับพวกโทนเนอร์ค่ะ ใครใช้โทนเนอร์แพงๆขอให้มาลองสำลีตัวนี้ค่ะ ประหยัดไปเยอะ ใช้โทนเนอร์น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด



Blush on หยิบบ่อยที่สุดคือ Tom ford cheek color #inhibition (2300 THB) เป็นสีส้มนู้ด สวย สุภาพ ปัดได้ทุกโอกาส นึกไม่ออกหยิบอันนี้ สีนี้เป็นสีใหม่ ซึ่งพูดเลยว่าเค้าปรับ formula แล้ว เนื้อดีกว่ารุ่นเก่า

อีกสีที่หยิบบ่อยคือ Tom ford cheek color #love lust (2300 THB) สีนี้จะคล้ายๆกับสี inhibition พอปัดบนแก้มแล้วเราว่ามันอมชมพูกว่านิดๆ จะวิ้งมากกก วิ้งแบบแก้มวาวๆ ปัดสีนี้แล้วไฮไลท์ตรงโหนกแก้มก็ไม่จำเป็นค่ะ สีแก้มมันวาวสวยมากๆแล้ว ครบจบที่อันเดียว


สีสุดท้ายคือเพิ่งได้มาตอนปลายเดือนธ.ค. แต่ชอบมากจริงๆ คือ Clarins blush prodige #05 rose wood (1550 THB) เป็นสีชมพูนู้ด สุภาพไม่ใช่ชมพูแบ๊วๆ แพคเกจสีทอง มีซงกำมะหยี่สีแดง สวยเว่อร์วัง มีแปรงมาให้อีก ที่สำคัญคือแปรงนางเอามาใช้ได้จริงด้วย พิกเมนต์จะไม่แน่นเท่า Tom ford นะคะ จะกลางๆ ค่อยๆบิ้วท์ได้ ใครปัดแก้มไม่เก่งก็ใช้ได้สบายๆ บอกเลยว่า clarins make up ก็ไม่ใช่เล่นๆนาจาาาา นางดี เข้าไทยแล้ว เผื่อใครไม่รู้ ไปลองเล่นกันดู นี่กะว่าจะตามไปเก็บต่ออีกสองสี

Bronzer ที่ใช้แล้วชอบที่สุดของปี คือบรอนเซอร์ป้า Charlotte Tilbury filmstar bronze&glow (£49.00) สีดี ปัดแล้วมันเข้ากับผิวเรา ผิวคนอื่นไม่รู้นะ ไปลองกันเอง แต่สีนี้คือดีที่สุดสำหรับเราในปีนี้ ช่องที่เป็นไฮไลท์ก็สวยงาม ตลับนี้คือจบ หน้าพุ่งกันไป ส่วนคอนทัวร์มันตัวเดิมที่เคยพูดคือ Kevyn Aucoin/Smashbox สามหลุม ยังคงเลิฟอยู่กับสองตัวนี้ไม่เปลี่ยนใจ ทำแตกก็ยังกลับไปซื้อซ้ำอ่ะคิดดู๊ สองตัวนี้ขี้เกียจลงรูปนะ มันซ้ำ



ลิป โอ้ย หมวดนี้คืออยากข้ามมากกกกก ที่ซื้อมาตลอดทั้งปีคือดีงามหมด ตัวไหนไม่ดีก็มีบ่นๆไปบ้าง 5555555 คือใช้สลับกันหลายแท่งแล้วแต่โอกาสที่จะหยิบใช้ แต่ขอหยิบตัวเดียวมาพูด คือ Bobbi brown crushed lip color (1200 THB) คือลิปสติกปกติเราก็มีกันเยอะแล้ว เลือกตัวนี้มาเพราะมันเอามาใช้ในวันเบาๆสบายๆแล้วดูสวย สวยแบบ natural ไม่ได้ดูว่าเอ้อแกทาลิปสติก มันดูธรรมชาติจริงๆอ่ะ แถมมีสีให้เลือกเยอะ อยากได้เข้มๆก็มีนะ เห็นเนื้อบางเบาสบายปากแบบนี้ แต่เรื่องให้ความชุ่มชื้นป้าบ๊อบก็สู้ตายนะ ช่วงธ.ค.ที่เมืองไทยมีหน้าหนาวอยู่พักนึง เราใช้ตัวนี้ทุกวัน เอาอยู่! ปากไม่แห้ง ไม่ลอกเลย ทาซ้ำได้เรื่อยๆไม่มีปัญหา พอกินข้าวกินอะไรมีหลุดตามปกติ แต่จะยังมีพิกเมนต์ติดที่ปากให้พอดูสุขภาพดีอยู่ ตัวนี้ก็รีวิวในเพจไปแล้วค่ะ มีรูปลงตอนทาให้ดูด้วย ^^

ส่วนลิปไลเนอร์ เป็นสิ่งที่นำเสนอมากๆสำหรับคนที่ชอบทาลิปสีเข้มๆ แล้วระหว่างวันมีปัญหาลิปซึมออกนอกขอบปาก ทำให้เส้นขอบปากไม่เนี้ยบเท่าตอนเช้าที่เราทาไว้อะไรแบบนี้นะคะ ขอแนะนำ Urban decay ultimate ozone multipurpose pencil (950 THB) รูปที่เราลงจะเป็นแบบแท่งใหญ่ หัวใหญ่หน่อยนะคะ แนะนำให้ซื้อแบบหัวเล็กๆดีกว่า น่าจะง่ายกว่า(มันหมดแล้วเราหาซื้อไม่ได้ เลยซื้อแบบหัวใหญ่มาแก้ขัด) แต่หัวใหญ่ก็ใช้ได้ดีเหมือนกัน ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรานะ ดีงามตรงเป็นสีใสๆ เลยใช้กับลิปสีอะไรก็ได้ ลิปไม่มีซึมออกนอกขอบปากอีกเลย



จบหมวดเมคอัพนะคะ ขอมาในส่วนนอกเหนือจากเมคอัพบ้าง -



แผ่นล้างแปรง Tattle tale (400 THB) แบรนด์ของพี่ Tk Sasitorn (เสิชใน facebook เอานะ) ขอให้เชื่อว่ามีแล้วชีวิตจะดีขึ้นมาก ล้างแปรงสะดวกขึ้น ยิ่งพวกแปรงรองพื้นที่ล้างยากๆนี่เห็นชัดเลยว่าสะอาดไวขึ้นมาก ข้างหลังมีตัวจุ๊บไว้แปะกับอ่าง สะดวกสะบาย ตัวแผ่นซิลิโคนหนาไม่ก๊องแก๊ง เชื่อเลยว่าพี่เค้าตั้งใจทำจริงๆ มันดีจริงๆแกรรรรรร แล้วคนบ้าแปรงแต่งหน้าแบบเรามาคอนเฟิร์มขนาดนี้ ไม่ซื้อได้เหรอเอาดีๆ ตัวนี้รีวิวในเพจไปแล้วนะ

สเปรย์ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า แบรนด์ Voxxel (590 THB) เป็นแบรนด์ของพี่ช่างแต่งหน้าเมืองไทยที่ไปทำงานที่เมืองนอก (เคยอ่านประวัติพี่เค้ามาอีกทีค่ะ 5555) เป็นสเปรย์แบบมาฉีดบนทิชชู่แล้วเอาแปรงมาวนๆ เราจะเรียกว่าล้างเล็กนะ ส่วนล้างกับน้ำจะเรียกว่าล้างใหญ่ นางเป็นสเปรย์ที่ดีมากกกก เอามาใช้กับแปรงขนสัตว์แท้ได้อย่างสบายใจ ขนไม่แข็งกระด้างแน่นอน เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ ล้างเล็กเนี่ยควรล้างบ่อยๆนะ เวลาที่เราจัดคลาสสอนแต่งหน้า ถามนักเรียนทุกคนได้เลย จะมีตัวนี้วางบนโต๊ะทุกครั้งค่ะ เอามาให้นักเรียนใช้ด้วย บางทีมีแปรงไม่พอ ก็ฉีดๆวนๆ รอแปปนึงแปรงก็จะแห้ง เอามาใช้ต่อได้สะดวก สบายมากๆ

ยางมัดผมกันบ้าง Invisibobble power (255 THB) ไม่พูดถึงก็จะไม่ได้ เพราะใช้นางมาทั้งปีไม่มีเปลี่ยน กล่องนึงจะมีสามเส้น เราไม่ชอบรุ่นปกติ มันรัดไม่แน่นพอ แต่รุ่นนี้แน่นพอดี ไม่ดึงหัว คือเราเป็นคนผมฟูอ่ะ ส่วนใหญ่จะขี้เกียจทำผม จะมัดบันเอาบ่อยๆอย่างที่ทุกคนเห็น จะเจอคำถามว่ามัดแบบนี้ไม่ปวดหัวเหรอไรงี้บ่อยมาก คำตอบคือไม่เลยจ้า สบายมาก ตั้งแต่ใช้มาก็กลับไปใช้ยางธรรมดาไม่ได้อีกเลย ใช้มาเป็นปีแล้วก็ไม่พังซักที น่าจะหายก่อนพังอ่ะ 555555 เคยลองกลับไปเอายางธรรมดามามัดครั้งนึงนะ แน่นจนดึงหัวไปหมด โอ้ยไม่เอาแล้ววววว เอ้อแล้วอันนี้พูดเลยว่าของปลอมไม่ดีเท่าของจริงนะ พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง

จบแล้วค่ะสำหรับ Favorite of 2017 เขียนยาวมากกกกก เหนื่อยแท้ ก็ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยเด้อ
ตามไปเม้าท์กันต่อได้ที่เพจ Rinyapat นะคะ มีอะไรจะถามคอมเม้นในเพจได้เลย เราจะเอาลิ้งก์นี้ไปแปะไว้ที่เพจค่ะ ^^

CONVERSATION

Back
to top